วันเสาร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2553

เรื่องราวพรหมมินทร์ 6 พิเศษ

" ค่าวฮ่ำพญาพรหมช่วยนางในสองคน "แม่เจ้าทิพอักษรมีนางใน 2 คน ชื่อ บัวจันทร์และวันดี ทั้งสองเป็นผู้ที่แม่เจ้าโปรดปรานให้เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการคลังรักษาของมีค่า จะด้วยเหตุผลใดไม่ทราบที่ทำให้แม่เจ้ากริ้วถึงกับขับไล่นางทั้งสองออกจากวัง ทั้งสองไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งใครจึงนั่งอยู่ที่สี่แยกปรึกษากันว่าจะเอาอย่างไงดี ขณะนั้นพญาพรหมผ่านมาพอดี หลังจากได้ทราบเรื่องราวแล้ว ด้วยความสงสาร พญาพรหมจึงแต่งค่าวพรรณนาความดีและความผิดหวังของนางทั้งสองดังนี้" ค่าวฮ่ำบัวจันทร์ "" จันทร์กลิ่นหอม เมืองขอมใต้หล้า แต่ก่อนออนมา ค่านักมีผู้นับถือ ตือดีแท้ทัก ยามก่อนกี้ เป็นยาบัดเดียวเดี๋ยวนี้ กล๋ายเป็นจันทร์ผา บ่มีราคา เข้ายาบ่ได้บ่เหมือนแก่นจันทน์ อั้นมาจากใต้ ไผบ่ตือดี อวดยกกลายเป็นหมากจันทร์ ซากรุ้งคาวนก บ่เหมือนก่อนนี้คราวเดิม "" ค่าวฮ่ำวันดี "" วันดีก่อนนั้น เป็นดีงูเหลิม ดีกระทิงเดิม ฝูงหมออยากได้เข้ายาผีขาง ยาเจ็บยาไหม้ ยามะเฮงไฟ โป่งซ้ำบัดนี้กลายเป๋น ดีควายฮ่าซ้ำ บ่เหมือนก่อนอั้น ดีงูวันดีเดี๋ยวนี้ กล๋ายเป๋นดีหมู ไผบ่มุทู อินดูตาหน้า "หลังจากเขียนค่าวเสร็จแล้ว พญาพรหมก็มอบให้นางทั้งสองนำไปถวายแม่เจ้าเมื่อแม่เจ้าได้ทอดพระเนตรก็ดีพระทัยหายกริ้ว จึงมีรับสั่งให้นางทั้งสองกลับมาทำงานเหมือนเดิม

เรื่องราวพรหมมินทร์ 5 พิเศษ

เหตุผลที่พญาพรหมโวหาร ถูกยกย่องให้เป็น " สุนทรภู่แห่งล้านนา " คือพญาพรหมโวหาร แต่งค่าวไว้มากมาย เช่น หงส์หิน , ปู่สอนหลาน ,ค่าวสรรพสอน , ค่าวพรรณนางาช้าง , ค่าวช้างขึด , คำจ่มพญาพรหม ,ค่าวคำกล่อมขวัญช้าง , เจ้าสุวัตรนางบัวคำ ,ค่าวสี่บทหรือค่าวฮ่ำนางจมซึ่ง " ค่าวสี่บท " ถือเป็นแบบอย่างของค่าวในสมัยปัจจุบัน ถ้าจะพูดว่า พญาพรหมโวหารเป็น " บิดาแห่งการแต่งค่าว " คงไม่ผิดนัก" ค่าวสี่บท " " มโนเนือง ใจเหลืองเหี่ยวม้วย เพศเพียงดั่งกล้วย บ่มไว้ในขุมแดนแต่น้อง แม่บัวจีจุ๋ม เจ้าหัวคำชุม ทอดทุมละข้าละเวเหหน เพศคนเมาบ้า เพื่อตัวนายมา ทิ้งละพี่ได้ยินเขา เล่าถ้อยวาทะ ไขฟู่หื้อ หลายรายอยู่มาจุมื้อ พร่ำคือตัวต๋าย อยู่เหนือดินดาย สะร่างบ่หล้อนเกิดมาเป็นคน ได้ทรงทุกข์ข้อน ก็ปรางคราวครา ครั้งนี้เพราะว่านายเลา เจ้าหลบหลีกหลี้ หนีพรากหน้า มาเมืองมาละพี่ไว้ โศกไหม้หมองเหลือง เพศเพียงเฟือง น้องเหยืองเบื่อข้ามาทอดทุมชาย เรี่ยรายเหนือหญ้า แกมพสุธา ฝุ่นมุก( บทส่งท้าย )กันไผประสงค์ เก็บมาอ่านใช้ เตี้ยงสนั่นใต้ ดินเฟือนมโนเนือง สุดเสี้ยงหนี้ เท่านี้สู่ดาฟัง ก่อนและนายเฮย. "

เรื่องราวพรหมมินทร์ 4

เกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของท่านพรหมมินทร์ มีดังนี้" พรหมบ่รู้ เขาลู่เหล็กกั๋น สองติ๋นยัน เลื่อไม้กิ๋นจ้าง " ( คนเลื่อยไม้ )" ไม้พั๊วพั้ง น้ำทั่งขอนไหล ช่องใช้ดังไฟ แป๋งหลัวนึ่งเข้า " ( ไม้ผุลอยน้ำ )" นกจี๋แจ๊บ สะแล๊บบินหนี ร้ายรือดี บ่รู้ถี่แจ้ง "" มีแอ็บไว้ เหมือนตุ๊มีหวี เปิ้นมีตั๋วมี เอาไปบ่ได้ " ( แอ็บหมาก )

เรื่องราวพรหมมินทร์ 3

ท่านพรหมมินทร์ นอกจากจะเก่งในการแต่งค่าวเป็นลายลักษณ์อักษรแล้ว ท่านยังเก่งในการแต่งค่าวปากเปล่าอีกด้วย จนได้ชื่อว่า " ศรีปราชญ์แห่งราชสำนักเวียงพิงค์ " ดังตัวอย่างการสนทนาต่อไปนี้ครั้งหนึ่งท่านพรหมมินทร์เดินทางไปค้าขายกับพ่อค้าวัวต่าง จนมาถึงสวนแตงโมของป้าคนหนึ่ง ก็รู้สึกหิวน้ำ ท่านจึงเข้าไปขอแตงโมกับเจ้าของสวนแตงโมดังนี้ท่านพรหมมินทร์พูดว่า" อกพุทโธธัมโม แต๋งใหญ่หลายโมแม่ป้า หยังเป็นเครือดีหน่วยนักเป็นเครือหวันกัน หวันชิ้นจ่องจั๊ก เป็นหน่วยก้านถมดินปอปั๋นข้าไท้ ซากก๋าเหลือกิ๋น เป็นหน่วยถมดิน หล่อนเลาะเบาะขวั้น "ป้าเจ้าของสวนแตงโม พูดว่า" บะแต๋งอยู่ต่ำ บะเต้าอยู่สูง บ่สมควรลุง จักกิ๋นของข้า "ท่านพรหมมินทร์พูดว่า" ตะเติ๋งเหยิง ตึงเปิงใจ๋ข้า ใคร่กิ๋นบะนอยบะน้ำ "ป้าเจ้าของสวนพูดว่า" กิ๋นลุงกิ๋น ไปกลั๋วเสี้ยงซ้ำ ของม่อนข้าถมไป "ท่านพรหมมินทร์พูดว่า" มาเอาเต๊อะน้อง เลือกกิ๋นต๋ามใจ๋ เปิ้นหื้อบ่ดาย เอานักบ่ได้ "

เล่าเรื่องพรหมมินทร์ 2







เมื่อท่านพรหมมินทร์รับราชการในสำนักของเจ้าหลวงวรญาณรังษี ท่านได้เป็นลูกศิษย์ของพญาโลมะวิสัย ซึ่งเป็นกวีสำนักเจ้าหลวงเมืองลำปาง และนี่คือบทสนทนาระหว่างท่านพรหมมินทร์กับพญาโลมะวิสัย ดังนี้ท่านพรหมมินทร์ พูดว่า" สุกระนามชื่อใด สัตตั๋ง เอาลุกแขวงเมืองวัง ล่องใต้โลมะพี่จะเอาไปสัง เอาไปเกื๋ออ่อยตามจา รือว่าจักเอาไปขายจ่ายซื้อ แข่ฮ่อจีนเม็งกั๋มบาปนั้น เจ้าสังบ่กลั๋วเกรง สังบ่ร่ำเปิงเล็ง สังขารไปหน้าบุญเจ้าหนักยิ่งดิน หนายิ่งฟ้า จักเอาสุกระ ไปเที่ยวค้าช่างมันจะสมเปิงจา "พญาโลมะวิสัย ตอบไปว่า" สุกระเลยหาแลกซื้อ เอามา มีตังกุกุฏตาไก่หน้อยจักเอาไปเลี้ยงเทพา ที่มันโจ๋งค่ำ ง่ำหนั่นบ่ใช่เอาไปขายจ่ายซื้อ แข่ฮ่อจีนเม็งกั๋มบาปนั้น บ่หล้างจักเป็นสังไหน ตังข้าพวกสวนดอกเจียงฮายเขาก็เอาไปขายป่าเล้อป่าล้า ผีว่าบ่มีบาป "

เล่าเรื่องพรหมมินทร์ 1




" ค่าวช้างขึด " ( ของพญาพรหมโวหาร )" ในช้างใช้ ได้ให้ไปจิ๋ง เนื้อตัวคิง โบราณช้างบ้านนัยน์ตาขาว สามฮามขี้หย้าน กลัวไฟฟืนล้อระนาดป้าดปน ถอยหนต๊นจ๊อ กลัวสว่าห้อพานเด็งหมอควาญผ่อเลี้ยง บ่แป๊แหนเก๋ง หางมันเอง บังซอนหย่อนป้านตามตำรา ว่าช้างขี้หย้าน หมอควาญทานจุ๊มื้อเงี้ยวเมืองนาย มาขอไถ่ซื้อ ข้าบาทหื้อปั๋นไปบ่หันแต่ทรัพย์ บาทเบี้ยเงินใส ม่อนกึ๊ดเล็งไป ทางไกล๋เป่งกว้างเพราะเป๋นขอบขันธ์ เสมาป้องข้าง หื้อหอมยืนนานยิ่งกู๊เจ้านายก็หัน ไพรไตยก็รู้ บ่ใช่เผือกแก้วใดเลย "

วันจันทร์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2553

" ค่าวฮ่ำพญาพรหมช่วยนางในสองคน "





" ค่าวฮ่ำพญาพรหมช่วยนางในสองคน "แม่เจ้าทิพอักษรมีนางใน 2 คน ชื่อ บัวจันทร์และวันดี ทั้งสองเป็นผู้ที่แม่เจ้าโปรดปรานให้เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการคลังรักษาของมีค่า จะด้วยเหตุผลใดไม่ทราบที่ทำให้แม่เจ้ากริ้วถึงกับขับไล่นางทั้งสองออกจากวัง ทั้งสองไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งใครจึงนั่งอยู่ที่สี่แยกปรึกษากันว่าจะเอาอย่างไงดี ขณะนั้นพญาพรหมผ่านมาพอดี หลังจากได้ทราบเรื่องราวแล้ว ด้วยความสงสาร พญาพรหมจึงแต่งค่าวพรรณนาความดีและความผิดหวังของนางทั้งสองดังนี้" ค่าวฮ่ำบัวจันทร์ "" จันทร์กลิ่นหอม เมืองขอมใต้หล้า แต่ก่อนออนมา ค่านักมีผู้นับถือ ตือดีแท้ทัก ยามก่อนกี้ เป็นยาบัดเดียวเดี๋ยวนี้ กล๋ายเป็นจันทร์ผา บ่มีราคา เข้ายาบ่ได้บ่เหมือนแก่นจันทน์ อั้นมาจากใต้ ไผบ่ตือดี อวดยกกลายเป็นหมากจันทร์ ซากรุ้งคาวนก บ่เหมือนก่อนนี้คราวเดิม "" ค่าวฮ่ำวันดี "" วันดีก่อนนั้น เป็นดีงูเหลิม ดีกระทิงเดิม ฝูงหมออยากได้เข้ายาผีขาง ยาเจ็บยาไหม้ ยามะเฮงไฟ โป่งซ้ำบัดนี้กลายเป๋น ดีควายฮ่าซ้ำ บ่เหมือนก่อนอั้น ดีงูวันดีเดี๋ยวนี้ กล๋ายเป๋นดีหมู ไผบ่มุทู อินดูตาหน้า "หลังจากเขียนค่าวเสร็จแล้ว พญาพรหมก็มอบให้นางทั้งสองนำไปถวายแม่เจ้าเมื่อแม่เจ้าได้ทอดพระเนตรก็ดีพระทัยหายกริ้ว จึงมีรับสั่งให้นางทั้งสองกลับมาทำงานเหมือนเดิม


ผมก็นึกว่ามี " คนยาง " ชอบกระทู้นี้อยู่คนเดียว ก็มีน้อยปันเกยที่ชอบกระทู้นี้ เรื่องดีดีมาเล่าซ้ำคงจะบ่เป็นหยัง ขอขอบคุณคุณสลุงเงินที่แนะนำเวบไซต์เพิ่มเติม" ค่าวฮ่ำพญาพรหมช่วยนางในสองคน "แม่เจ้าทิพอักษรมีนางใน 2 คน ชื่อ บัวจันทร์และวันดี ทั้งสองเป็นผู้ที่แม่เจ้าโปรดปรานให้เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายการคลังรักษาของมีค่า จะด้วยเหตุผลใดไม่ทราบที่ทำให้แม่เจ้ากริ้วถึงกับขับไล่นางทั้งสองออกจากวัง ทั้งสองไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปพึ่งใครจึงนั่งอยู่ที่สี่แยกปรึกษากันว่าจะเอาอย่างไงดี ขณะนั้นพญาพรหมผ่านมาพอดี หลังจากได้ทราบเรื่องราวแล้ว ด้วยความสงสาร พญาพรหมจึงแต่งค่าวพรรณนาความดีและความผิดหวังของนางทั้งสองดังนี้" ค่าวฮ่ำบัวจันทร์ "" จันทร์กลิ่นหอม เมืองขอมใต้หล้า แต่ก่อนออนมา ค่านักมีผู้นับถือ ตือดีแท้ทัก ยามก่อนกี้ เป็นยาบัดเดียวเดี๋ยวนี้ กล๋ายเป็นจันทร์ผา บ่มีราคา เข้ายาบ่ได้บ่เหมือนแก่นจันทน์ อั้นมาจากใต้ ไผบ่ตือดี อวดยกกลายเป็นหมากจันทร์ ซากรุ้งคาวนก บ่เหมือนก่อนนี้คราวเดิม "" ค่าวฮ่ำวันดี "" วันดีก่อนนั้น เป็นดีงูเหลิม ดีกระทิงเดิม ฝูงหมออยากได้เข้ายาผีขาง ยาเจ็บยาไหม้ ยามะเฮงไฟ โป่งซ้ำบัดนี้กลายเป๋น ดีควายฮ่าซ้ำ บ่เหมือนก่อนอั้น ดีงูวันดีเดี๋ยวนี้ กล๋ายเป๋นดีหมู ไผบ่มุทู อินดูตาหน้า "หลังจากเขียนค่าวเสร็จแล้ว พญาพรหมก็มอบให้นางทั้งสองนำไปถวายแม่เจ้าเมื่อแม่เจ้าได้ทอดพระเนตรก็ดีพระทัยหายกริ้ว จึงมีรับสั่งให้นางทั้งสองกลับมาทำงานเหมือนเดิม